Wednesday, December 9, 2015

ดูบอล ที่ Stamford Bridge Stadium [ 31/10/2015 ]

มาถึงวันสุดท้ายแล้วววววววววว T T
2 week เวลาผ่านไปเร๊วเร็ว

วันนี้ออกจากบ้าน 10 โมง เดินไปสถานี South Kensington เหมือนเดิมทุกๆวัน
เจอกับยอร์ชที่ร้านดอกไม้ก่อน
พวกเราก็แว่บไปกินอาหารเช้ากันก่อนที่  Pret A Manger ตรงข้ามร้านดอกไม้







แล้วพอครบก็เดินไปสนามบอลที่ Stampford bridge
วันนี้มีบอลแข่งระหว่าง chelsea - liverpool
เค้าจะปิดถนน ดังนั้นเราจึงต้องเดินกันยาวๆ
กินบรรยากาศ London วันสุดท้าย แดดดีเชียว ไม่เหมือน 2 วันก่อนเลย
ระหว่างทางเดินไปจะมีแฟนๆบอลพากันเดินเยอะมาก ครึกครื้น  แต่ไม่วุ่นวายนะ
ไม่เหมือนบ้านเรามีบอลทีรถติด คนวุ่ยวาย ออแอกันสุดๆ













เนื่องจากยอร์ชเป็นแฟน chelsea แต่พี่หนึ่งเป็นแฟน liverpool
เราได้บัตรในบ้านของ chelsea  ครัช ผิดฝั่งไปนิด แต่ก็โอเคเลยย
แค่เวลาได้ประตู เราไม่สามารถดีใจได้แค่นั้นเอง 555555
เวลาโห liverpool พวกเราก็ต้องตามน้ำ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม

เราดูบอลไม่เป็น แต่บรรยากาศมันก็พาไป
สนุกมากๆ ไม่รู้ดิ่ โชคดีมากๆที่ได้ตั๋ว
บอลพรีเมียร์ลีกที่ใครๆก็อยากจะมาดูสนามจริง
ฝันเป็นจริงล่ะ 55555












บอลจบ ออกมาข้างนอกสนามก็บ่ายสามกว่าแล้ว
แวะกินอาหารเวียดนามก่อน
แล้วก็นั่งรถเมล์กลับบ้านโลดดด

อาบน้ำ เตรียมตัวไปขึ้นเครื่อง
พี่นาเรียกแท๊กซี่ไว้ให้ตอน 6 โมงตรง
ราคาแท๊กซี่ก็ 60 ปอนด์นะจ้ะ




ถึงสนามบินเวลาเหลือเฟือเลยยย check in แล้วก็โหลดกระเป๋า
ลุ้นกว่าตอนขามาอีก น้ำหนักเกินทุกใบ มากสุด 25 kg.
แต่พนักงานก็ไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าคงเกินกว่านี้ไม่ได้อ่ะ
เพราะถ้าเป็นพรีเมี่ยม มันได้ 25 kg. ไง
เกินกว่านี้ก็คงโดนเรา economy ได้ 20 kg.

เดินเล่น Dutyfree แต่ก็ไม่ได้อะไรล่ะ เงินหมด
เหลือแต่เงินกินข้าวพี่นาให้ไว้พร้อมค่าแท็กซี่
ส่งท้ายด้วยการกินซูชิสายพาน

แล้วก็เตรียมขึ้นเครื่อง  21.30 น. (เวลาอังกฤษ)
บอกลาทริป London - Scotland - Paris แล้ววววววว
ฮืออออออ ไม่อยากกลับๆ

ไว้มาเที่ยวใหม่นะ  ถ้ามีโอกาสดีๆอีก
ยังมีอีกหลายๆที่ที่อยากไป

จบทริปจ๊าาา เจอกันทริปหน้า จะไปไหนดีน๊าา :)

เดินเล่น ซื้อของ ใน London [ 30/10/2015 ]

เนื่องจากฟ้าปิดอีกวันล่ะ
ขมุกขมัว วันนี้เลยไม่มีแพลนอะไรมาก
เดินซื้อของฝากตัวเองและฝากคนอื่นล้วนๆ

เริ่มต้นวันด้วยนั่งรถไฟไปร้าน Spa ของพี่นาก่อน
พี่หนึ่งไปลง Driver Printer ให้พี่นาที่ร้าน



แล้วก็นั่งแทกซี่ ไป Sainsbury's  ซุปเปอร์มาร์เกตสัญชาติอังกฤษ สาขาใหญ่ ใหญ่พอๆกะโลตัสบ้าน
อยู่ใกล้ๆร้านของพี่นา

เราซื้อขนมลูกอมช๊อคโกแลตจากที่นี่อย่างเดียวเลย
ได้ทุกอย่าง make in UK ฮาๆๆๆๆ



นั่งรถเมล์ต่อไปลงแถวๆ Knight Bridge
จะไปเก็บตกซื้อของห้าง Harrods
ก่อนเดินถึงผ่าน ร้าน swatch ปาดเข้าไปดู
พี่หนึ่งได้ไปเรือนนึง ถามว่าถูกกว่าที่อื่นหรอ ก็ไม่นะ 5555555555


ไป Oxford Street แวะเข้า ห้างเซลฟริดจ์ (Selfridges) พี่หนึ่งบอกว่าเนี่ยห้างประจำ
เวลาซื้อของ นางมีห้างประจำด้วยนะ 555
เหมือนๆๆเซนทรัลบ้านเรานี่ล่ะ


ซื้อของอะไรเสร็จก็รีบกลับบ้านไปเก็บของก่อน
เพราะยอร์ชจองตั๋วหนัง 007 ไว้ตอนทุ่มนึงที่ Cineworld Fulham Road
แวะกินอาหารอิตาเลี่ยนก่อน แล้วก็ค่อยเข้าโรงหนัง

โรงหนังนี่ที่แอบอึดอัด
เค้าไม่เปิดแอร์ แถมบางตั๋วไม่มี fix ที่นั่งด้วยนะ เข้าก่อนก็เลือกก่อน
เจอปัญหาของคนอื่นที่นั่งไม่ลงตัวกัน อยู่ซักพัก =-=
แต่ของเรายอร์ชจองตั๋วได้แบบ fix แถวหลังสุด ไม่มีปัญหา

เอิ่มมม ดีนะหนังแอ๊คชั่น
คือออไม่มี sub eng ให้เลยจ๊าาาาาาา
เดาๆจากท่าทางเอาละกัน 555555

หนังจบ ขึ้นแท๊กซี่กลับบ้าน
จบวัน Shopping พรุ่งนี้ไปดูบอลกัน เย้ๆ !

Outlet ใกล้ London ที่ Bicester Village [ 29/10/2015 ]

วันนี้ฟ้าปิด ขมุกขมัว ตั้งแต่เช้ายันเย็น
ก็เลยโอเค ไป shopping ที่ Bicester Village ละกัน

เรานั่งรถไฟจาก South Kensington เหมือนเดิมไปลงสถานี  Marylebone
แล้วต้องซื้อตั๋วรถไฟ ราคาแอบแพงอยู่
ไปลงสถานี   Bicester Village เลยย เห็นพี่นาบอกว่าเค้าเพิ่งสร้างสถานีนี้ขึ้นมา
พอลงก็เจอที่จอดรถของ Village เลย สามารถเดินเข้าไปได้เลย
ไม่ต้องต่อ shuttle bus เหมือนแต่ก่อนล่ะ






มี brandname เยอะแยะ
แต่ไม่รู้สิเราไม่ค่อยใช้แบรนเนมอ่ะ 55555555 มองอะไรก็รู้สึกแพง
เอาเป็นว่า เดี๋ยวเรามาไล่ให้ดูว่าได้อะไรมาบ้าง คือที่เราซื้อถือว่าถูกมากละนะถ้าเทียบกับที่ไทย









shop แรกที่ได้กันมาคือ paul smith อันนี้ลดราคาเยอะอยู่มาก
พี่หนึ่งได้เสื้อยืดมา  2ตัว พี่นาได้ผ้าพันคอกับเสื้อกันหนาว พี่นาบอกว่าลดราคาเยอะนะ

ต่อมาก็ kipling ราคาถือว่าถูกกว่าใน london และ ที่ไทย
เราได้กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กๆ ลดเหลือ 1400 บาท แต่แบบอาจไม่เยอะเท่าไหร่

และก็ๆร้านเครื่องสำอางค์มีอยู่ร้านเดียวในนั้น
แต่รวมไว้หลายแบรนด์นะ
ได้ estee lauder advanced night repair อันนี้ถูกคิดเป็นราคาไทยแค่ 2570 บาทเอง
แล้วก็ครีมบำรุงกับ eye cream ของ Lab Series ขอบอกว่ามันถูกเป็นครึ่งๆของราคาที่ไทยเลยจ้าา
พี่หนึ่งใช้ประจำ ปกติ 3800 เหลือแค่ 1990 หือออออออ ทำไมมันต่างกันเยี่ยงนี้
eye cream ก็ต่างกันครึ่งๆ
สอยเลยค่าาาา 5555555

สุดท้ายเข้า shop Diesel โดนอีกล่ะ
เราได้กางเกงยีนส์ขายาวกับพี่หนึ่งคนละตัว
ตอนแรกคิดอยู่นานมากกกก เอาดีมั้ย พี่หนึ่งบอกไปลองก่อนๆ
พอลองเท่านั้นแหละ ฮือออออออ ทรงสวย ใช่เลย

ก็ยังคิดอยู่นะ เอาดีมั้ยหว๊าาาพี่หนึ่งบอกว่า เอาเลย ราคานี้หาที่ไทยไม่ได้นะ
ราคาลดแล้วเหลือ 79 ปอนด์ นี่ราคาลดแล้วนะ ราคาเต็ม 14x - 150 ปอนด์นี่ล่ะ
คิดเงินไทยก็แอบปาดเหงื่อออ
แต่สรุปก็ได้มาแหละ =-= มันสวย คิดว่าราคาถูกกว่าที่ไทยนะ

สี่โมงกว่าล่ะกลับดีกว่าาาหมดตัว
เราใช้เวลาทั้งวันกับที่นี่ ฝนปรอยทั้งวันเช่นเดียวกัน
เป็นวัน shopping จริงๆเพราะเที่ยวไหนก็คงไม่หนุก 





แนะนำนะครัช ถ้าใครชอบ shopping ลองมาที่
Bicester Village ใกล้ London นั่งรถไฟไม่นาน
แถมมีสถานีรถไฟเป็นของ Village  เองเลยด้วยยย :))

Monday, December 7, 2015

เที่ยว Windsor Castle [ 28/10/2015 ]

วันนี้อากาศยังดีอยู่จ้าาาา
เลยนั่งรถไฟจาก South Kensington ไปลงที่สถานี Paddington
ต้องซื้อตั๋วรถไฟก่อนเป็นตั๋วไปกลับแบบ off - peak
คือจะนั่งรอบกี่โมงก็ได้ไม่จำกัดเวลา

พอรถไฟออกจากสถานีนี้ประมาฯครึ่งชั่วโมง
ก็ต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Sloug
นั่งต่อไปอีกแค่แว่บเดียวก็ลงสถานี Windsor & Eton Central
อยู่ใกล้ๆกลับทางเข้าพระราชวังเลย





เดินเข้าไปซื้อตั๋ว ก็เข้าชมพระราชวังได้เลยยยย
เราอยู่ที่นี่กันนานมาก
โคตรชอบที่นี่เลยยยย สวย อะไรก็ดูเป็นจริงไปหมด



พระราชวังนี้ถือเป็นพระราชวังที่ยังมีผู้อาศัยอยู่จริงๆ
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มักใช้เป็นที่ประทับในช่วงวันหยุด 
อีกทั้งใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงอย่างเป็นทางการและส่วนพระองค์ด้วย
ไปหาข้อมูลมา  ^^
แต่ก็นั่นแหละบางส่วนเค้าก็ไม่ให้เข้าไปดู เพราะยังมีการใช้งานจริงอยู่
















ออกจากพระราชวังก็มุ่งหน้าหา แมคโดนัล โฮ๊ะๆ อยากกินมากก
แล้วก็เดินเล่นบ้านเมืองเค้าดูหน่อย
เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ชอบมากๆ 








ขากลับเราก็นั่งรถไฟกลับตามเส้นทางเดิม
ถึง South Kensington ประมาณห้าโมงกว่าๆ 
ฟ้าเริ่มมืดเร็วลงทุกวันๆ 

มื้อเย็นวันนี้จบที่ซูชิสายพาน
ร้านเล็กๆแต่คนต่อคิวกันเพียบ

ระหว่างรอมีการแสดงตาม Street ให้ดู
เจ๋งฝุดๆ 


หลังจากกินซูชิเสร็จ ยอร์ชถามว่าอยากไปไหนต่อมั้ย
ก็เลยบอกว่าอยากไปดู pub สไตล์คนอังกฤษ

ก็พากันเดินไป ยาวๆ
ร้านลักษณะคล้ายๆบ้าน
ซื้อ beer ที่เค๊าเตอร์คนละแก้ว จ่ายเงินตรงนั้นเลยย
pub ที่นี่เค้าเน้นคุยกันอ่ะ คุยกันเสียงดังมว๊าก เพลงไม่เห็นน่าแดนซ์เลย งงง๊ง

จนพี่หนึ่งบอกว่าเนี่ยอ่ะ Pub บ้านเค้า คือร้านเหล้านั่งชิวๆ ฟังเพลง
แต่ถ้าอยากแดนซ์ต้องไป club อ่ะเค้าจะแดนซ์กัน

ก็อ๋ออ OK. I see ความรู้ใหม่ 5555555


Monday, November 30, 2015

เที่ยว Greenwich ดูเส้นแบ่งเวลา [27/10/2015]

หลังพวกเรากลับมาจากปารีสแล้ว
ก็วางแผนว่าจะไปเที่ยวใกล้ๆ London กัน

วันนี้เลยได้ไปเที่ยว Greenwich เราออกจากบ้านก็สายๆละสิบโมง
แวะไปกินติมโฮมเมดก่อนด้วยยย อากาศสบายๆ วันนี้14 องศา







แล้วนั่งรถไฟไปสถานีที่โผล่ขึ้นมาก็เป็น Big Ben
เดินไปทางท่าเรือ ซึ่งก็มีอยู่ประมาณสองถึงสามเจ้า

ซื้อตั๋วไปกลับ คนละ 12 ปอนด์ นี่ราคาได้ลดจากบัตร Oyster  แล้วนะ
เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง
เรือที่เราขึ้นจอดรับคนระหว่างทางแค่ 1 ป้ายเท่านั้น
ก็ยิงยาวไปลง Greenwich เลยยยยยย





นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง
ลงปุ๊บก็จะเจอเรือลำใหญ่ๆ ตั้งโชว์อยู่เลยยยย
มีร้านคาแฟ่เล็กๆน่ารัก
และก็มหาวิทยาลัยที่นี่เค้าว่ากันว่าสวยยยยยย ก็สวยจริงๆนะ
ร่มรื่น ต้นไม้เยอะ








เราเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเข้า Park ใบไม้กำลังเหลือและร่วงได้ที่เลยย
ลมเย็นๆ อากาศหนาวๆ บรรยากาศดีจริงๆ








เราเดินไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าเริ่มไกล เลยหยุดดูแผนที่ว่าเส้นแบ่งเวลามันอยู่ไหนนน
สรุปเราเดินเพลินไปหน่อย ต้องเดินย้อนกลับไปอีกทาง 55555

เส้นแบ่งเวลาถ้าจะเข้าดูต้องเสียเงิน  9.5 ปอนด์นี่ล่ะ
เข้าไปตอนแรกนี่งง ดูยังไงฟร่ะ
มีแต่พี่หนึ่งนี่ล่ะนางแฮปปี้มากกกก ชอบที่สุด











มื้อบ่ายแก่ๆ เราก็หาอะไรกินง่ายๆ
มี market จัดอยู่ก็ลองเข้าไปดู
จบลงที่อาหารเกาหลี street food  ชามใหญ่กินชามนึง 2 คนอิ่ม






ขากลับเปลี่ยนใจนั่งรถไฟกลับดีกว่าาา
หมดแรงแล้ววว