Monday, November 30, 2015

เที่ยว Greenwich ดูเส้นแบ่งเวลา [27/10/2015]

หลังพวกเรากลับมาจากปารีสแล้ว
ก็วางแผนว่าจะไปเที่ยวใกล้ๆ London กัน

วันนี้เลยได้ไปเที่ยว Greenwich เราออกจากบ้านก็สายๆละสิบโมง
แวะไปกินติมโฮมเมดก่อนด้วยยย อากาศสบายๆ วันนี้14 องศา







แล้วนั่งรถไฟไปสถานีที่โผล่ขึ้นมาก็เป็น Big Ben
เดินไปทางท่าเรือ ซึ่งก็มีอยู่ประมาณสองถึงสามเจ้า

ซื้อตั๋วไปกลับ คนละ 12 ปอนด์ นี่ราคาได้ลดจากบัตร Oyster  แล้วนะ
เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง
เรือที่เราขึ้นจอดรับคนระหว่างทางแค่ 1 ป้ายเท่านั้น
ก็ยิงยาวไปลง Greenwich เลยยยยยย





นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง
ลงปุ๊บก็จะเจอเรือลำใหญ่ๆ ตั้งโชว์อยู่เลยยยย
มีร้านคาแฟ่เล็กๆน่ารัก
และก็มหาวิทยาลัยที่นี่เค้าว่ากันว่าสวยยยยยย ก็สวยจริงๆนะ
ร่มรื่น ต้นไม้เยอะ








เราเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเข้า Park ใบไม้กำลังเหลือและร่วงได้ที่เลยย
ลมเย็นๆ อากาศหนาวๆ บรรยากาศดีจริงๆ








เราเดินไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าเริ่มไกล เลยหยุดดูแผนที่ว่าเส้นแบ่งเวลามันอยู่ไหนนน
สรุปเราเดินเพลินไปหน่อย ต้องเดินย้อนกลับไปอีกทาง 55555

เส้นแบ่งเวลาถ้าจะเข้าดูต้องเสียเงิน  9.5 ปอนด์นี่ล่ะ
เข้าไปตอนแรกนี่งง ดูยังไงฟร่ะ
มีแต่พี่หนึ่งนี่ล่ะนางแฮปปี้มากกกก ชอบที่สุด











มื้อบ่ายแก่ๆ เราก็หาอะไรกินง่ายๆ
มี market จัดอยู่ก็ลองเข้าไปดู
จบลงที่อาหารเกาหลี street food  ชามใหญ่กินชามนึง 2 คนอิ่ม






ขากลับเปลี่ยนใจนั่งรถไฟกลับดีกว่าาา
หมดแรงแล้ววว



Friday, November 27, 2015

Paris 4 Days 3 Nights >> Part 4 [23/10/2015 - 26/10/2015]

เช้าวันสุดท้ายที่ปารีส
ตอนแรกไม่มีแพลนจะไปไหน แต่สุดท้ายก็มี
วันนี้เราจะไปย่าน Montmartre กัน
ไปเที่ยวโบสถ์ขาว

แต่ก่อนจะไปเราต้องเอากระเป๋าเดินทางไปฝากที่สถานี Gare du Nord ก่อน
ปรากฎว่าเครื่องสแกนเค้าเสีย
เค้าเลยไม่รับเลย แต่เค้าก็แนะนำว่าให้นั่งย้อนไป 1 สถานี
ตรงนั้นก็จะมีที่ให้ฝากกระเป๋า ก็เลยไปฝากกันตรงนั้น

แล้วนั่ง Metro มาลงที่สถานี Anvers
จากสถานีก็เดินไปสักพักนึง ไม่ไกลมาก
จะเจอทางขึ้นมีสองทางเลือก คือเดินขึ้น หรือ ใช้ตั๋ว Paris Visit ขึ้นไปหน้าโบสถ์ขาวได้เลย
เหนื่อยละ นั่งกระเช้าขึ้นดีกว่า 55555

อ่อ ก่อนขึ้นกระเช้า เราแวะกินข้าวกันก่อนร้านแถวๆทางขึ้น







ภายในโบสถ์เค้าห้ามใช้กล้องถ่ายรูป
พี่หนึ่งอยากขึ้นไปดูวิว 360 องศา
ต้องเสียค่าเข้าก่อน เสียเงินเสร็จก็เดินขึ้น 300 ขั้นบันได
บันไดวนเป็นวงกลม -..- แคบๆ ถ้าไม่หยุดพักบ้างนี่มีมึน อากาศน้อยๆด้วย มีหอบ 55555555
และแล้วก็ถึงงงงง วิวสวยแดดดี ถ่ายรูปไม่ย้อนแสง








พักเหนื่อยกันสักครู่
ก็เดินลงกันต่อ ออกมาไปด้านหลังจะมีร้าน bar เล็กๆเต็มสองข้างทาง
มีงานศิลปะที่ศิลปินมานั่งเปิดขายรูปวาดตัวเอง
เรานั่งพักดื่มน้ำ จิบเบียร์กันก่อนจะกลับ







หลังจากนั้นก็ไปเอากระเป๋า และไปนั่งรอที่สถานี Gare du Nord
เหรียญยูโรเหลือก็จัดมาการองมาเลยยย 








กลับแล้วปารีส
เมืองที่ดูยังไงก็วุ่นวาย
แต่แหล่งท่องเที่ยวสวย มีโอกาสก็มาให้เห็นมาให้รู้กันดีกว่า :)

Paris 4 Days 3 Nights >> Part 3 [23/10/2015 - 26/10/2015]

วันนี้อากาศดีมีแดด
แพลนวันนี้จะไปพระราชวังแวร์ชาย เราต้องซื้อตั๋วรถไฟเพิ่ม
เนื่องจากพระราชวังอยู่นอกโซน 1 - 3
จากที่พักเรานั่งสายสีม่วงมาลงที่สถานี St.Michel
แล้วหาปลายทาง Chateau de Versailles  ซื้อตั๋วตรงนี้ล่ะจ้าา
เมื่อไปเข้าถึงชานชาลาแล้ว ขบวนรถไฟมาจอด
ก็อย่างเพิ่งรับขึ้น ตรวจดูเส้นทางปลายทางก่อนจากหน้าขบวนรถไฟ
หรือจากจอแสดงเส้นทางบนชานชาลานะจ้ะ เพราะมันมีรถไฟไปเส้นทางอื่นมาจอดด้วย

นั่งรถไฟออกนอกเมือง ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ววว แดงๆเหลืองๆ
ใชช้เวลาประมาณ 45 นาที
ก็ถึงทางตัน ไปต่อไม่ได้แล้ว ต้องลงค่ะ 






เดินออกจากสถานีข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ไปทางขวานิดนึงจะมีคนต่อแถซื้อบัตรเข้า Versailles 
มีบัตรทั้งหมด 3 ส่วน ขายแยกส่วนน๊าา

การเที่ยวชมแวร์ซายส์ จะแบ่งเป็นส่วนใหญ่ๆ 3 ส่วนคือ

1.ส่วนตัวตึกของพระราชวัง 
2.ส่วนของ Garden
3.ส่วน Marie Antoinette's estate

เราเข้าแค่สองส่วนแรกใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยที่นี่
ตั้งแต่ต่อคิวเข้าพระราชวังคือคิวยาวแมากกกกกกประมาณชั่วโมงครึ่งถึงได้เข้า
















ออกมาก็บ่ายสองบ่ายสามนั่งรถไฟกลับเหมือนเดิม
พอเข้าไปในเมืองก็ไปเดินเที่ยวต่อที่ถนน  Champs Elysees
เป็นย่าน shopping มีทุก brandname

เราก็เข้า Lonhchamps ราคาถูกว่าที่ London ต่างกันประมาณ 1000 บาทเชียว
และที่ถูกมากก็เป็นที่เช็ดเครื่องสำอางค์ของ bioderma บ้านเราขายกัน 1250
ที่นี่ตกขวดละ 350 เองแก๊ หอบกันมา 2 คน 8 ขวด นี่เอามาใช้ล้วนๆ
ติดอยู่ที่มันหนักมาก กินน้ำหนักเวลาแพคใส่เป๋าเลยได้มาแค่นี้

ส่วนอื่นๆเราไม่ค่อยได้ดูเนื่องจากบอกแต่แรกแล้ว
ไม่ใช่สวยช๊อปปิ้ง

ร้านค้าปิดทุ่มนึง หกโมงเราก็หาร้านอาหารไทยในปารีส
โดยการเปิดเน็ต 5555 ส่วนใหญ่ร้านจะปิดวันอาทิตย์
เราเจอร้านไม้ไทย นั่งรถตากลมเล่นๆซะรอบเมืองกว่าจะถึง
วันนี้ 9 องศาหนาวขั้นสุดจริงๆ 





ร้าน Mai Thai ลอง search internet ได้เลย
พิกัดมีครบอยู่ที่ว่าจะหลงหรือไม่หลงเองนั่นแหละ
555555

ลงรถเมล์ก็เดินเข้าซอยไปนิดนึงเป็นร้านอยู่หัวมุม
ไม่ใหญ่มาก แต่มี 2 ชั้น
คนไทยเป็นเจ้าของ พอเค้าเห็นพวกเราเป็นคนไทย
ก็แนะนำ และชวนคุย เป็นกันเอง
รสชาติอาหารก็ใช้ได้เลยย ติดหวานนิดหน่อย แต่ผ่าน
ต้มยำรวมมิตรนี่น้ำแทบไม่เหลือ
มีกับข้าวเหลือเราก็ขอเค้าห่อกลับ เอาไว้กินมื้อเช้าวันถัดไปได้อีก คุ้ม
ส่วนราคาก็สูงนิดนึงตามประสาอาหารไทยในต่างแดนเนอะ


กลับเข้าที่พัก จบอีกวันในปารีส
พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วววววววว

Thursday, November 26, 2015

Paris 4 Days 3 Nights >> Part 2 [23/10/2015 - 26/10/2015]


เช้าวันที่สองที่ปารีส
เราออกจากบ้านก็สิบโมงได้
นั่งรถไฟลงสถานีอะไรไม่รู้แล้วก็เดินต่อ มาถึงจุดที่รถ Sigthseeing จอดป้ายที่ 6
นั่งรถรอบเมืองกันก่อนแล้วเราก็ไปลงที่ไอเฟลกันเหมือนเดิม 5555555
เห็นแล้วมันอดไม่ได้ แต่ก่อนเดินเข้าไป







แวะกิน brunch กันแถวนั้นก่อน
คือเราเริ่มเลี่ยนกับอาหารฝรั่งล่ะใช่ป่ะ
ก็เลยสั่งสิ่งที่คุ้นเคยที่สุด menu hotdog
พอมาเซิร์ฟถึงกะอึ้ง มันเป็นhotdog ประกบด้วยขนมปังฝรั่งเศสอันบิ๊ก
ราดด้วยชีสเยิ้มแล้วเข้าในเตาอบ
เลี่ยนกว่าเดิม 555555

ได้เวลาไปดูไอเฟลบรรยากาศตอนกลางวันล่ะ
มันก้สวยไปอีกแบบแต่แอบชอบตอนกลางคืนมากกว่า
ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นไปดูวิว แต่ !! คิวยาวทุกฝั่ง
อันนี้ทำการบ้านมาไม่ดีเอง เลยโอเคไม่ขึ้นก็ไม่ขึ้น ดูข้างล่างก็สวยล่ะ










แล้วก็นั่งรถเรือล่องแม่น้ำซายน์โดยใช้ตั๋วที่ซื้อใช้ได้ 3 วัน เรือ รถเมล์ไก้หมด
นั่งเรือเล่นชมวิว 








แล้วก็ไปลงป้าย Louvre Museum
ต้องต่อคิวเหมือนเดิม แต่ก็ไม่นานนะ แถวไหลได้เรื่อยๆ เพราะมีตรวจสแกน
พอเข้าไปในปีระมิดใสๆได้แล้วก็ต้องลงบันไดเลื่อนลงไปซื้อตั๋วอีกรอบ
ราคา 15 euro ไม่แพงมาก
ข้างในกว้างมากกก มีหลายห้องหลายส่วน
แต่สิ่งที่คนเยอะมากที่สุดก็เป็นรูปวาด Monalisa
จะอยู่ข้างในสุดเลยกว่าจะเดินเจอก็จะผ่านแทบทุกห้องมาแล้วล่ะ ^^ 












ออกมาก็เริ่มเย็นแล้ว
เนื่องจากอยู่นี่ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ internet ได้เลย
พี่หนึ่งทนไม่ไหว 555 ก็เลยจะเช่า pocket wifi ตามคำแนะนำที่มีป้ายติดไว้ที่บ้านพัก





นั่งรถเมล์และต่อ metro ไปที่ห้าง Lafayette
ติดต่อ information ของห้างเลย มี pocket wifi ให้เช้า วันละ 7 euro
ไม่คิดวันรับกับวันคืน สามารถคืนได้ที่สถานี Gare du Nord ที่เราจะนั่งรถไฟกลับ london ได้เลย

จากห้าง Lafayette เรานั่ง metro มาที่ Gare du Nord
เป็นสถานีน่ากลัวจริงๆ
เรามาที่นี่เพื่อนัดเจอกับพี่นาและยอร์ช เค้ามาดูบอลระหว่างรอพวกเราไป Louvre
พอขึ้นมาระหว่างเดินมาร้าน ก็มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดร้อง และเสียงวิ่งไล่กันมา
รู้สึกว่าผุ้หญิงที่ร้องเสียงดังน่าจะโดนกระชากกระเป๋า
เรานี่ได้แต่ยืนนิ่ง มันเป็นแบบนี้กันเลยหรออ

รีบไปจากตรงนี้ดีกว่าาา
พอเจอกันครบก็นั่ง metro กลับไปแถวที่พัก เข้าร้านพิซซ่าเป็นอาหารค่ำวันนี้

จบวันที่สองในปารีส อากาศเย็นลงทุกวันๆ แต่ไม่เจอฝนเลย โชคดีมาก