Tuesday, July 31, 2018

Switzerland trip in April 2018 (Part 2)

Day 2 : Mount Titlis --> ล่องเรือ Lake Luzern --> Chapel Bridge (Kapellbrucke)

มาเที่ยวแต่เราตื่นหกโมงกันตลอด ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพราะวันนี้ดูแล้วอากาศดี
เราจะไปขึ้นยอดเขา Titlis กันค่าาาาา
เรานั่งรถไฟไปลงที่ Engelberg station
พอถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วใช้ขึ้นกระเช้าไปยอดเขา




ซื้อตั๋วเสร็จก็ออกไปรอรถบัสเพื่อไปจุดที่ขึ้นกระเช้า อ่านมาเค้าว่าเดินได้ 10 นาทีถึง
แต่เรากลัวหมดแรง และพอขึ้นรถไปก็รู้สึกว่า ดีแล้วที่ไม่เดิน มันไกล 555
เราใช้ ticket ที่ซื้อมาสแกนผ่านเข้าประตู
ตรงนี้จะเป็นกระเช้าเล็กๆ นั่งประมาณ 4 คน แล้วแต่มาแค่ 2 คนก็ขึ้นแค่นั้นก็ได้
พอถึงสถานี Stand จะเป็นจุดเปลี่ยนกระเช้าเพื่อต่อขึ้นไปอีก
เป็นกระเช้าแบบหมุนเห็นวิว 360 องศาเลย




พอถึงจะเดินขึ้นบันได หรือ ลิฟก็ได้ขึ้นมาด้านบนสุด
ซึ่งเราเดินบันไดจ้าาาาาา แค่ไม่กี่ชั้นแต่เหนื่อยมาก เพราะอากาศมันบาง



เราพกปลอกคอกันหนาว ถุงมือ ใส่พร้อมเลยเพราะอากาศหนาวมากจริงๆ
เราใช้เวลากับ Titlis เพลินมากๆ หิมะ กับ อากาศหนาว แดดแรงๆ ดีเวอร์
มีนั่งกระเช้าห้อยขาด้วย ticket ซื้อรอบเดียวก่อนขึ้นใช้ได้หมด












พอจะกลับเลยแวะกินข้าวบนนั้นก่อน
ได้กินเป็นเฟรนฟราย ไส้กรอกราดซอส และก็พิซซ่า กินกัน 2 คนก็แน่นมากล่ะ
เราต่อกระเช้าแบบเดิมลงมา
และนั่งรถไฟกลับมาที่ Luzern




เราพยายามจะหาวิธีไปยอดเขา Rigi ทั้งทางเรือ หรือ ทางรถไฟให้ทันเวลาปิด
แต่เจ้าหน้าที่บอกเราว่า เราไปถึงได้ แต่จะไม่ทันรถไฟรอบกลับแน่นอน T T
เรามาช้าไปเพราะมัวแต่เพลินเพลินกับ Titlis
งั้นก็เลยเปลี่ยนแผนว่า เด๋วจะล่องเรือ Lake Luzern แทนนั่งไปและกลับ ชิวๆ




ไม่แน่ใจว่าใช้เวลาประมาณเท่าไหร่
พอกลับมาถึงแถวโรงแรม เราก็แวะไปถ่ายรูปกับสะพานไม้ก่อน
เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง Luzern






วันนี้เราตามหาร้านซูชิ อยากกินอาหารญี่ปุ่น
เดินไปไหนร้านก็ปิดหมด ตอนนั้นประมาณทุ่มนึง
โชคดีไปเจอร้านติ่มซำ และ ซูชิ ปิดสี่ทุ่ม
ก็เลยเดินเข้าไป แต่รสชาติอาหารเฉยๆมาก ที่สำคัญแพงเด้ออออ
กลับโรงแรมนอนดีกว่า Zzzz


Switzerland trip in April 2018 (Part 1)

ในที่สุด Switzerland trip ก็มาถึง
จริงๆเราเตรียมตัวจองตั๋วกันนานถึง 6 เดือนทีเดียว
เพราะไปช่วงเทศกาล ที่รู้ๆคือตั๋วแพงมาก ก.ล้านตัวก็ไม่พอ
เราจบที่บินตรงของการบินไทยได้ตั๋วราคาประมาณ 37,xxx บาทถ้วน



พอต้นเดือนมกราคมที่ผ่านเราก็เตรียมตัวขอใบรับรอง เตรียมเอกสารต่างๆ
สำหรับการขอวีซ่าเชงเก้น เราไปประเทศเดียวก็ขอเชงเก้นสวิสเลย
ได้วีซ่ามา 10 วันพอดีเป๊ะ อย่างที่เคยอ่านในเน็ตมาเลยว่าของสวิสจะให้วันแบบพอดีเป๊ะ

เราทำแพลนค่อนข้างละเอียดและทำแพลนแบบที่สามารถสลับปรับเปลี่ยนได้ด้วย
ตามสภาพอากาศแต่ละวัน

ขอแปะแพลนตามที่เราเที่ยวจริงละกันเนอะ มันก็มีเปลี่ยนตามแพลนที่วางไว้บ้าง
แต่ก็เก็บหมดเกือบทุกที่ 5555

เริ่มเดินทางวันที่ 4 April 2018 ตอนกลางคืน ไปถึงเช้าวันที่  5 April 2018
ทริปเราทั้งหมด 10 วัน 5-15/4/2018

Day 1 : Luzern --> เดินเล่นรอบ Lake Luzern --> Museum of transport --> กำแพวโบราณ Museggmauer --> สิงโตสะอื้น Lowendenkmal

เครื่องถึง Zurich Airport ตอนเจ็ดโมงกว่า
ระหว่างทางจะไปตม. ก็จะเดินสักพักค่อนข้างไกล แต่เราก็ตื่นเต้นกับทุกสิ่ง
เราต่อแถวเพื่อผ่านตม.เข้าประเทศ เราเดินทาง 2 คนก็เดินเข้าไปหน้าเค๊าเตอร์ตม. พร้อมกันได้เลย
เจ้าหน้าที่ถามว่าเรามาเที่ยวกี่วัน พักที่เมืองไหนบ้าง แล้วก็ขอให้ enjoy your trip ผ่านสบายๆ



เสร็จแล้วก็เดินออกมารอกระเป๋า นั่งหาที่เปลี่ยน sim มือถือ ให้เรียบร้อยก่อน
ถึงลากกระเป๋าไปหารถไฟเข้า Luzern
ก่อนจะขึ้นรถไฟเราหาที่แลกแบงค์ย่อยๆก่อนเพราะเรามีแบงค์พัน แลกที่สนามบินชั้นล่างได้เลย
อ่านมาจากพันทิปร้านค้าเค้าจะไม่ค่อยรับแบงค์ใหญ่ๆ




แล้วเราก็ไปรถไฟกัน คนเยอะเหมือนกัน
พอขึ้นรถไฟ พวกเราก็วางกระเป๋าเดินทางไว้ตรงที่วางกระเป๋า
แล้วเดินเข้าไปนั่งตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ถึง Luzern HB เราเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตหาแผนที่โรงแรมซึ่งใช้เวลาเดินแปบเดียวมากๆ
ถือว่าใกล้สถานีรถไฟสุดๆ





เช็คอิน เข้าห้องพัก ก็ว๊าวกับวิวห้องพักอยู่เป็นชั่วโมง
มีระเบียงให้ออกไปนั่งเล่น แต่นั่งไม่ไหวเพราะหนาว ได้แต่ยืนถ่ายรูปยอดเขา Pilatus






เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะกะอากาศแล้วเราก็ออกไปเที่ยวกัน
เราเริ่มทริปด้วยการเดินเล่นรอบๆ Lake ก่อน คือมองไปทางไหนมันก็สวย
เราตื่นเต้นกับทุกวิวจริงๆ 555





แล้วก็หาสายรถเมล์นั่งไป Museum of transport เราไม่เจอคนไทยที่ museum นี้เลย
แต่มันเป็น museum ที่น่าไปจริงๆนะ เค้าใส่ใจและมีให้ลองเล่นจริงๆ
ค่าเข้าคนละ 16 ฟรังก์ใช้ swisspass ลดแล้ว
ข้างๆ museum ก็ติดกับ lake มีวิวสวยๆให้เราถ่ายรูปอีกแล้วววว ^^





เรานั่งรถเมล์กลับไปที่แถวโรงแรม เปิด map หาทางเดินขึ้นกำแพงโบราณ Museggmauer
ซึ่งก็เหมือนว่าทางที่ไปมันคือทางอ้อมๆ เดินขึ้นทางลาดเหนื่อยมาก
แต่พอมาถึงกลับเห็นคนเค้าเดินขึ้นมาอีกทาง - -"
เราหยุดถ่ายรูปนั่งพักตรงนี้กันสักพักเลยล่ะ มันทั้งสวย และก็เหนื่อย 5555








ยังจ้าา วันนี้ยังไม่จบ เราเดินๆๆๆข้ามไปฝั่ง old town
ตอนแรกก็จะพักแถวนี้แต่เปลี่ยนใจซะก่อน
เราเดินตามหาสิงโตสะอื้นตามหนังสือ
พอไปเห็นก็งงๆว่า มันมีแค่นี้หรอ ฮ่าๆๆๆ  ถ่ายรูปได้มาสองสามรูปก็เดินออกมาล่ะ
พอดีเจอจังหวะทัวร์ลงไปอีก




วันนี้เหนื่อยแล้ว อากาศก็เริ่มหนาวมากขึ้น
เราจบที่เข้าซุปเปอร์ซื้อของกินเอาไปปาร์ตี้รวมกับของกินที่เราหอบมาจากไทยด้วย คิคิ