5 May 2014
( Shibuya , Harajuku , ศาลเจ้า Meiji , Roppongi ,Naka-meguro ,Daikanyama )
เที่ยววันสุดท้ายแล้วววววว
วันนี้รู้สึกตัวตอนตีห้ากว่าๆ เพราะนอนเร็วดูนาฬิกาสักพัก ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันสั่นแรงมาก
รีบปลุกพี่หนึ่งว่า แผนดินไหวๆๆๆ เปิดทีวีดูข่าวบ้านเค้า
แล้วก็เปิดเน็ตอ่านข่าวในเว็บไทยด้วย
สรุปมีแผ่นดินไหวที่โตเกียวจริงๆ 6.0 ริตเตอร์ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว
วันนี้ตื่นเช้าหน่อยเพราะอยากจะเต็มอิ่มกับโตเกียววันสุดท้าย
ออกจากโรงแรมเดินไป Shinjuku นั่ง JR ไปลง Shibuya
เราโผล่ออกมาก็เจอห้าแยก ชิบุย่า อยากได้วิวเจ๋งๆ
ก็เลยข้ามไปฝั่งสตาร์บัค ขึ้นชั่น 2 ได้ที่นั่งริมหน้าต่างเลยยยยย
ตาแว่นกินกาแฟเสร็จก็ออกเดินเล่นย่านชิบุย่ากันเลยย
พูดเลยว่าเดินคุ้มจริงๆ ไปทุกซอกทุกมุม แล้วก็เดินกลับไปทางสถานีรถไฟ เจอกับรูปปั้นหมาฮาชิ
ตรงนี้เป็นจุดสำหรับสูบบุหรี่ด้วย ถ่ายรูปแปบๆก็ต้องออกมา
นั่งรถไฟต่อไปยัง ฮาราจูกุ เป็นอะไรที่คนโคตรเยอะ แต่เค้าเดินกันได้เรื่อยๆนะ
ไม่ดูแออัดจนรู้สึกอึดอัดไม่อยากเดิน
ก่อนจะไปหา Onitsuka shop ก็แวะศาลเจ้า meiji ก่อน
แล้วก็เดินเข้าย่านฮาราจริงๆซะที ร้านค้าเยอะมากกกกกก คนในโตเกียววันหยุดเค้าคงมารวมกันอยู่นี่ละมั้ง
เราได้รองเท้ามาคู่นึง แต่ตาแว่นอยากไปดูที่สาขาอื่นก่อน
เลยเดินออกมานั่งรถไฟไป รปปุงิ ฮิล ตึกที่มีแมงมุมตัวใหญ่ๆ ใช้เวลาอยู่นี่แปบเดียว
หลักคือตามหา Onitsuka แต่ก็ไม่มี - -"
แล้วก็นั่งรถไฟต่อไป นากาเมกุโระ มาย่านนี้น่ารักอ่ะ คือบ้านตึกเค้าเล็กๆเงียบๆ
คนน้อยๆ เดินเล่น อยู่สักพักเนื่องจากหลง หาทางไปต่อไม่เจอ
ก็นั่งรถต่อไปสถานีนึงถึง ไดคังยามะ ที่นี่เป็นย่านเซเลบ ปล. Tak กับ Ippei บอกมา
เราก็สังเกตว่าร้าน brandname เยอะแยะ รวมถึง Onitsuka ตาแว่นได้รองเท้าที่นี่
มองนาฬิกาอีกที ตายละอีกแค่ครึ่งชั่วโมงจะหกโมงแล้ว เพื่อนตาแว่นนัดเจอ
แบต wifi ก็หมด ตาแว่นเลยเปิด data roaming เพื่อส่ง text ไปบอกว่าจะกลับโรงแรมก่อนเพื่อเอาที่ชาร์ต
สรุปได้เจอกันตอนหกโมง 40 เพื่อนตาแว่นมายืนรอกันแล้ว
Tak กับ Ippei เป็นเพื่อนตอนที่ตาแว่นไปเรียนภาษาที่อังกฤษ ที่ UK
พาไปกินชาบู ชาบู แบบญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว แต่เรากลับรู้สึกไม่ค่อยถูกปาก คงเพราะไม่สบายด้วย
สองคนนั้นให้ของที่ระลึก welcome to japan กับเราสองคนด้วย
เป็นคนญี่ปุ่นที่ดูอารมณ์ดี ใจดี และมีน้ำใจ
อย่าง Tak ก่อนวันนัดเจอ พี่หนึ่ง text ไปถามเกี่ยวกับยาที่ซื้อมาว่าใช่ยาตัวนี้มั้ย เพราะยาที่ญี่ปุ่นไม่มีภาษาอังกฤษเลย
Tak ก็ถามว่าพวกเราพักกันตรงไหน เค้าจะนั่งรถไฟเอายามาให้ ..เป็นน้ำใจดีๆ
ส่วน Ippei ไม่ได้พักอยู่ในโตเกียว แต่ก็เข้ามาหาโรงแรมนอนในโตเกียวเพื่อนัดเจอกับเราสองคน
กินชาบูกันเสร็จ ก็พาเราสองคนไปซื้อกล้องถ่ายรูป
ช่วยคุยกับพนักงานญี่ปุ่นแล้วแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้เราอีกที
เพราะพนักงานพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เด๋วสื่อสารผิดๆถูกๆ
ซื้อกล้องเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม ออกมาจากร้าน ร้านรวงปิดเงียบหมดแหละ
คือบ้านเค้าปิดร้านกันเร็วมาก
แล้วก็ Tak กับ Ippei ก็ส่งเราสองคนขึ้นรถไฟใต้ดินกลับโรงแรม
บ๊ายบายย แล้วเจอกันใหม่แน่นอน
กลับโรงแรมเราเตรียม pack ของทั้งหมด
เราไม่ได้ shopping เยอะแยะอะไรมากเลยแพ๊คกระเป๋าได้แบบพอดีๆ
เตรียมลาแล้วญี่ปุ่น .. นอนคืนสุดท้าย ไม่อยากกลับเลย
6 May 2014
(Back to BKK ... Bye bye Tokyo)
ตื่นตีห้า ออกจากโรงแรมหกโมง
ลากกระเป๋าไปสถานี JR Shinjuku ซื้อตั๋วรถไฟไปนาริตะราคาสองพันกว่า Yen
เครื่องบินออก 11 โมง
เรามีเวลาเหลือเฟือมากที่สนามบิน ใช้เงิน Yen ก่อนกลับที่สนามบิน ซื้อขนม นู่นนี่นั่น 555
แล้วก็ได้เวลาบอกลาญี่ปุ่นจริงๆแล้วววว
ใจหายจังขนาดอยู่ 7 วัน ยังอยากอยู่ต่อเรื่อยๆเลย (แต่ก็คิดถึงอาหารไทยนะ ฮาๆ)
ญี่ปุ่นยังมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะ
ไว้เราจะกลับมาใหม่นะ
สรุปแล้ว เราใช้เวลาเที่ยวและเดินทางทั้งหมด 8 วัน
No comments:
Post a Comment